นานาชาติร่วมลาดตระเวณ "ทะเลแดง" หลัง "ฮูตี" โจมตีเรือขนส่ง

อุตสาหกรรมขนส่งทางทะเลกำลังได้รับผลกระทบหนัก หลังจากที่ สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวอย่างต่อเนื่องว่า กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้เปิดฉากโจมตีเรือหลายลำในทะเลแดงซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่มีความคับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะที่ นานาประเทศได้มีการประชุมร่วมเพื่อหาหนทางสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ดังกล่าว 

นาย ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังประเทศบาห์เรน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง กล่าวว่า หลายประเทศเห็นพ้องที่จะร่วมกันปฏิบัติการลาดตระเวนในทะเลแดงตอนใต้และอ่าวเอเดน เพื่อพยายามปกป้องการขนส่งเชิงพาณิชย์จากการโจมตีของกบฏฮูตีในเยเมน  รายงานระบุว่า ประเทศที่เข้าร่วม นำโดยสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน

ทั้งนี้ กลุ่มกบฏฮูตีนั้นได้ประกาศว่า จะทำการทำการโจมตีเรือที่ล่องผ่านทะเลแดงแบบต่อเนื่องเพื่อตอบโต้ต่อกรณีที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซา โดยกลุ่มฮูตีจะโจมตีอิสราเอลต่อไป รวมถึงเรือที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลจนกว่า “การรุกราน” ในฉนวนกาซาจะหยุดลง

บริษัทขนส่งรายใหญ่หลายแห่ง เช่น MSC, Hapag-Lloyd, CMA CGM และ Maersk ต่างก็ประกาศระงับการเดินทางผ่านทะเลแดงเนื่องจากภัยคุกคามดังกล่าว ขณะที่ บีพี บริษัทน้ำมันระดับโลกของอังกฤษ ก็ประกาศว่า บริษัทจำเป็นต้องระงับการขนส่งน้ำมันผ่านคลองสุเอซเช่นกัน เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย 

นักวิเคราะห์ กล่าวว่าอุตสาหกรรมการขนส่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าสู่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามอิสราเอล-ฮามาสได้ นาย อัลเบิร์ธ แจน สวาร์ท นักวิเคราะห์ของ ABN Amro กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "การหลีกเลี่ยงทะเลแดงจะนำไปสู่ต้นทุนการเดินเรือที่สูงขึ้นเนื่องจากใช้เวลาเดินทางนานขึ้น" ปัจจุบัน 15% ของปริมาณการขนส่งทางเรือทั่วโลกใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางเดินเรือที่สั้นที่สุดที่เชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย 

นาย ริชาร์ด มีด บรรณาธิการบริหารวารสารด้านชิปปิง “Lloyd’s List” ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “จะได้เห็นแรงกระเพื่อมใหญ่ที่มีผลต่อซัพพลายเชนทั่วโลก หากการระงับการเดินเรือในปัจจุบันกินเวลายืดเยื้อออกไป”