เอกชนหั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้ลง เหตุจากแนวโน้มเศรษฐกิจโตช้า เปราะบาง มีความเสี่ยงมากขึ้น

หลังจากผ่านไตรมาสที่ 1 มาแล้ว สัญญาณของเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลงในหลาย ๆ ภาคส่วนจากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน เห็นได้จากการที่หน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งสถาบันการเงินได้ออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2567 ลง หลังจากที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่ออกมาปรับ GDP ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยคาดเติบโตเพียง 2.2 - 3.2% เดิมคาดโตราว 2.7 - 3.7% ในปีนี้

ทางด้าน SCB Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็ออกมาหั่นคาดการณ์ GDP เช่นกัน โดยปรับลดลงเหลือ 2.7% จากเดิม 3% เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยโตช้า เปราะบาง และไม่แน่นอนมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ  โดย คุณ “สมประวิณ มันประเสริฐ” รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ไทยจะต้องเผชิญกับ “3ลด” คือ “ลดที่หนึ่ง” ลดประมาณการ GDP ไทย ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น “ลดที่สอง” คือ ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (Potential Growth) ลดลง หากเทียบกับระดับก่อนโควิด-19 Potential Growth เฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 3.4% แต่ล่าสุดหากคาดการณ์ในระยะยาว ตั้งแต่ปี 67 - 88 พบว่าศักยภาพเศรษฐกิจไทย จะลดลงเหลือเพียง 2.7% เท่านั้น “ลดที่สาม” คือ โอกาสในการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปีนี้ จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.00% 

ในมุมของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ก็ออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือเพียง 2.8% จากระดับเดิมที่ 3.1% เช่นกัน เนื่องจากมองว่า ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยหลายตัวอ่อนแรงลง คุณ “บุรินทร์ อดุลวัฒนะ” กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะฟื้นตัว หากเทียบกับปี 2566 แต่ปีนี้ยังไม่ใช่ปีที่ควรดีใจ เพราะเศรษฐกิจไทยยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งจากอุปสงค์ในประเทศที่ยังแผ่วลง ภาคการผลิตที่ยังหดตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน ไม่เพียงเท่านั้น เศรษฐกิจไทย ยังขาดแรงหนุนใหม่ ๆ ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ในมุมของ “ดอกเบี้ย” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ได้สิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วที่ 2.5% และ แบงก์ชาติมีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปี 2567 นี้ 

ขณะที่ CIMB Thai มองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะงักงัน และปรับลดคาดการณ์ GDP ลง คุณ “อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร CIMB Thai มองว่า การปรับ GDP  ปี 2567 ลงเหลือ 2.3% จากเดิมมองไว้ที่ 3.1% มี 3 ปัจจัยหลักฉุดรั้ง ทั้งการบริโภคคนไทยซบเซา การลงทุนภาครัฐทรุดตัว และ การส่งออกฟื้นตัวช้า 

ส่วนสำนักวิจัยเศรษฐกิจเกียรตินาคินภัทร  ได้ปรับลด GDP ไทย ลดลงเหลือเพียง 2.6% จากเดิม 3.7% ตอกย้ำความไม่แน่นอน ที่มาจาก โครงการ Digital Wallet รวมทั้งภาคการผลิตที่อ่อนแอ และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ที่ปรับ GDP ลงมาเหลือ 2.6% จาก 3.1% ภายใต้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเชื่องช้า เผชิญความท้าทายรอบด้าน

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ที่ปรับ GDP  เหลือเพียง 2.7% จาก 3% จากการส่งออกที่ฟื้นตัวได้จำกัด จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักชะลอตัว 

ส่วนสำนักวิจัยกรุงศรีฯ ปรับ  GDP ไทย มาอยู่ที่ 2.7% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยแม้ฟื้นตัวขึ้น แต่ยังโตต่ำ หากเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน 

โดยสรุปแล้ว การปรับลดตัวเลขคาดการ GDP ของทุกสำนัก ออกมาในทิศทางเดียวกัน และมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยคล้าย ๆ กันว่า เศรษฐกิจไทยนั้นมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งยังมองว่าเศรษฐกิจไทยต้องหาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยในระยะยาว