การแข่งขันในอวกาศสู่ยุคใหม่ ต้องเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่มากขึ้น

ในยุคที่อวกาศกลายเป็นสนามแข่งขันทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ภัยคุกคามไซเบอร์ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ระบบสำคัญในอวกาศ เช่น ดาวเทียม ระบบสื่อสาร และเทคโนโลยี AI ถูกโจมตีจากกลุ่มแฮ็กเกอร์และรัฐชาติที่ต้องการสร้างความเสียหายหรือแย่งชิงข้อมูลสำคัญ

ย้อนไปในปี 2022 ระบบดาวเทียม Starlink ของ SpaceX ถูกโจมตีโดยกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัสเซียหลังการส่งมอบดาวเทียมให้กับยูเครน และในปี 2023 รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับความพยายามของจีนและรัสเซียในการจารกรรมข้อมูลจากบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ เช่น SpaceX และ Blue Origin การโจมตีทางไซเบอร์ในอวกาศไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อระบบ แต่ยังอาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศและเศรษฐกิจโลก

ความท้าทายของ AI ในอวกาศหลังจากที่มีการบูรณาการ AI ในโครงการสำรวจอวกาศเพื่อช่วยลดความจำเป็นในการตัดสินใจของมนุษย์ แต่กลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ เช่น การปลอมแปลงข้อมูล (Data Poisoning) หรือการย้อนรอยแบบจำลอง (Model Inversion) หากระบบ AI ถูกเจาะ ระบบสามารถถูกปรับเปลี่ยนหรือควบคุมโดยฝ่ายตรงข้าม ทำให้ภารกิจล้มเหลวหรือถูกขโมยข้อมูลสำคัญซึ่งความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ระบบสื่อสารระหว่างดาวเทียมและสถานีภาคพื้นดิน หากถูกเจาะ อาจทำให้สูญเสียการควบคุมยานอวกาศ หรือการโจมตีในลักษณะ Adversarial Attacks ทำให้ AI ทำงานผิดพลาด เช่น การตัดสินใจสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของภารกิจ

ดังนั้น สหรัฐฯ เองได้พัฒนามาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอวกาศ เช่น การบังคับใช้ระบบสำรองข้อมูล การควบคุมการเข้าถึง การใช้ AI ที่มีระบบ Fail-Safe และการออกแบบระบบให้สามารถควบคุมด้วยมนุษย์ได้ในกรณีฉุกเฉิน บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Microsoft และ Amazon ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และระบบความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับภารกิจอวกาศ

ทั้งนี้ การแข่งขันทางอวกาศระหว่างสหรัฐฯ และจีนเพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ โดยทั้งสองประเทศกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเป็นผู้นำในอวกาศ ในปีที่ผ่านมา มีการโจมตีระบบอวกาศในญี่ปุ่น และความพยายามจากจีนในการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ และด้วยการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้น ความมั่นคงในอวกาศจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย ทั้งในมิติทางเทคโนโลยี การทหาร และเศรษฐกิจ