12 กันยายน 2564
2,297

รู้หรือไม่..อินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 9.5% สูงที่สุดในโลกปีนี้ ไทยได้อานิสงส์ส่งออกเพิ่ม 40% สูงสุดเป็นประวัติการณ์

รู้หรือไม่..อินเดียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 9.5% สูงที่สุดในโลกปีนี้ ไทยได้อานิสงส์ส่งออกเพิ่ม 40% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
Highlight:
 1. อินเดียมีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกปีนี้ ที่ 9.5%
 2. คาดว่าการส่งออกของไทยไปอินเดีย ปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
    เติบโตขึ้น 40% หรือประมาณ 7,700 ล้านดอลล่าร์
 3.สินค้าไทยที่ส่งออกไปอินเดีย ได้แก่  เม็ดพลาสติก  เคมีภัณฑ์  อัญมณี  
    รถยนต์ ส่วนประกอบ เหล็ก


รู้หรือไม่ อินเดียคือประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดของโลกในปีนี้ และส่งผลให้ตลาดส่งออกไทยไปอินเดียเพิ่มขึ้นถึง 40%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้คาดการณ์อัตราการประเทศอินเดียสูงถึง 9.5% ในปี 2564 ในขณะที่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเติบโตถึง 20% ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากฐานที่ต่ำ เนื่องจากในปี 2563 การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียติดลบ

อินเดียไม่เพียงเป็นประเทศที่น่าสนใจด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแต่ในปี 2563 ที่ผ่านมายังดึงดูด FDI ไหลเข้าประเทศสูงจนกลายเป็นอันดับที่ 5 ของโลก

โดยคาดว่าการลงทุนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาหลังจากนี้โดยเฉพาะธุรกิจบริการเกาะกระแสดิจิทัล E-commerce และ ICT การผลิตสินค้าเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ไฟฟ้า ล้วนมีบทบาทในการพลิกโฉมโครงสร้างการผลิตอินเดียให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก อานิสงส์ประเทศผู้ส่งออกสินค้าขั้นกลางต่างๆ รวมถึงไทยที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการผลิตอินเดีย

สำหรับไทยในเวลานี้อินเดียเป็นตลาดอันดับ 10 ของไทย และเป็นตลาดสำคัญที่สุดของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยการส่งออกของไทยไปอินเดียในช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 เติบโตสูงถึงร้อยละ 57.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน มีมูลค่า 4,486 ล้านดอลลาร์ฯ แม้ว่าระหว่างกันจะมีความตกลง FTA มายาวนาน แต่ความสัมพันธ์ผ่านการส่งออกของไทยไปยังอินเดียมีสัดส่วนน้อยเพียงร้อยละ 2.9 ของการส่งออกไทยไปตลาดโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตในสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบขั้นต้น อาทิ ทองแดง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เพื่อสนองการผลิตและการบริโภคของอินเดียที่เพิ่มขึ้น 

ด้วยแรงขับเคลื่อนของตลาดโลกที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจอินเดีย ประกอบกับสินค้าไทยเป็นวัตถุดิบขั้นต้นที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าเพื่อใช้ภายในประเทศอินเดีย ดังนั้นอินเดียจึงน่าจะเป็นอีกตลาดที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติก่อนโควิด-19

โดยในช่วงที่เหลือของปีการส่งออกอาจเติบโตเชื่องช้าจากฐานปีก่อนที่ปรับสูงขึ้นแต่ตลอดปี 2564 คาดว่า มูลค่าส่งออกไปอินเดียจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ต่ำกว่า 7,700 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 40 สำหรับในระยะข้างหน้า หากอินเดียมีพัฒนาด้านการลงทุนเติบโตอย่างน่าสนใจเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คงโน้มนำความต้องการสินค้าขั้นกลางจากไทยเข้าไปทำตลาดได้ตามมา จากปัจจุบันที่มีมูลค่าค่อนข้างน้อยจำกัดเพิ่มเติมจากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นกลุ่นชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยได้ขยายตลาดใหม่ในเอเชียใต้ได้อีกทางหนึ่ง
 
แม้ว่าอินเดียจะเผชิญกับการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 สายพันธ์ุเดลต้าในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่ก็สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อินเดียกำลังจะก้าวขึ้นมามีบทบาททางการผลิตของโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะช่วยหนุนเศรษฐกิจอินเดียแล้ว ยังต้องมีการนำเข้าปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะสินค้าขั้นกลางเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหลายประเทศที่ส่งออกจะ ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวรวมทั้งไทย

อินเดียเป็นเป็นปลายทางการลงทุน (FDI) อันดับที่ 5 ของโลกในปี 2563 หรือราว 64 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ปัจจุบันอินเดีย ส่งออกเป็นอันดับที่ 20 ของโลก มีมูลค่าส่งออกราว 2.75 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ และตั้งเป้าการส่งออกใน ปีงบประมาณ 2565 เติบโต 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 5 ปีข้างหน้า เติบโตถึง 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ

ไทยได้อานิสงฆ์จากการเติบโตของอินเดีย

อินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 10 ของไทยและเป็นตลาดอันดับหนึ่งในตลาดเอเชียใต้ ไทยส่งออกไปอินเดียประมาณ 2.9% ในปี 2563 สินค้าส่งออกไปยังตลาดอินเดีย ประกอบด้วย เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณี  รถยนต์/ส่วนประกอบ  เหล็ก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าปี 2564 นี้การส่งออกไปอินเดียจะเติบโตสูงถึง 40% หรือ 7.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยใน 7 เดือนแรกเติบโต 57.5% เป็นมูลค่าราว 4.48 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ  

และคาดว่าไทยจะนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มขึ้น 47% ในปีนี้ หรือประมาณ 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  และไทยจะเกินดุลย์การค้ากับอินเดีย 1.30 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

เมื่อมองภาพในระยะกลางและระยะยาว การผลิตของอินเดีย แบบต้นทางจำเป็นต่อการผลิตสินค้าเพี่อใช้ภายในประเทศ ดังนั้นอินเดียจึงน่าจะเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติก่อนโควิด-19

โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ การส่งออกอาจเติบโตเช่ืองช้า จากฐานปี ก่อนท่ีปรับสูงขึ้นแต่ตลอดปี 2564 คาดว่ามูลค่าส่งออกไปอินเดียจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไ์ม่ต่ำกว่า 7,700 ล้านดอลล่าร์

หากอินเดียมีพัฒนาการด้านการลงทุนเติบโตอย่างน่าสนใจเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ  คงโน้มนำความต้องการสินค้าชั้นกลางจากไทยนอกจากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว ยังมีกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พร้อมส่งออก เพื่อขยายตลาดไปยังเอเชียใต้ได้อีกด้วย

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 
 

ติดต่อโฆษณา!